เพราะสมองเราทำงานหนัก ทุกวัน เราจึงต้องบำรุงรักษาสมองของเราให้ว่องไว ฉลาดปราดเปรื่องไปนาน ๆ ใครที่เริ่มหลง ๆ ลืม ๆ ทั้ง ๆ ที่ยังหนุ่มยังสาว ต้องรีบดูแลสมองของคุณโดยด่วน ส่วนวิธีการก็ไม่ยากเย็นแต่อย่างใด เพียงเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสมอง ดังต่อไปนี้
1. ปลา
จริงอย่างที่เขาว่ากันว่ากินปลาแล้วจะฉลาด โดยเฉพาะปลาทะเลน้ำลึก.. เช่น ปลา ทูน่า ปลาแซลมอน ปลาแฮริ่ง เป็นต้น ปลาพวกนี้เป็นอาหารที่ประโยชน์สูงสุดต่อสมองมาก แต่ถ้าหาปลาทะเลมารับประทานลำบาก หรือไม่มีเวลาเตรียมอาหาร ก็สามารถกินอาหารเสริมประเภทน้ำมันปลาแทนได้ค่ะ
2. ผลไม้รสเปรี้ยวตระกูลเบอร์รี
ได้แก่ บลูเบอรี่ สตรอว์เบอรี เชอรี จะช่วยเสริมสุขภาพสมอง ระบบหมุนเวียนเลือดไปเลี้ยงสมอง ช่วยลดความดันโลหิตที่สูงให้สมดุล มีวิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยเพิ่มความสามารถในการคิดและระดับไอคิวได้อีกด้วย ทั้งยังป้องกันการสูญเสียความจำระยะสั้น ช่วยเพิ่มจำนวนเซลล์ประสาทในฮิปโปแคมปัสที่ทำหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงต่อความทรงจำ โดยเฉพาะบลูเบอร์รีสดดีต่อความจำระยะยาวมากที่สุด เหมาะแก่การรับประทานเป็นอาหารว่าง เพราะไม่ทำให้อ้วน และยังได้วิตามินซีเพิ่มอีกด้วย
3. ผักโขม
ช่วยลดอาการความจำเสื่อมโดยเฉพาะในผู้หญิง มีการวิจัยพบว่าหญิงวัยกลางคนที่รับประทานผักโขมร่วมกับผักใบเขียวชนิดอื่น ๆ เป็นประจำ ช่วยลดอาการความจำเสื่อมไปได้ถึง 2 ปี ผัก โขมมีเอนไซม์ที่ดีต่อความแข็งแกร่งของปลายเซลล์ประสาท และเสริมความแข็งแรงตัวรับส่งข้อมูลระหว่างเซลล์ประสาท ทั้งยังมีกรดโฟลิกสูงที่ดีต่อการจำ ทั้งยังช่วยรักษาสมดุลของน้ำในร่างกาย นักประสาทวิทยาแนะนำให้กินผักโขมอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยเฉพาะผักโขมที่ปลูกแบบออร์แกนิก ซึ้งไร้สารพิษตกค้าง
4. ไข่
เป็นที่รู้จักกันดีว่าช่วยพัฒนาระบบการทำงานของสมอง โดยล่าสุดนี้พบว่าสาร "โคลิน” ในไข่ไก่จะทำหน้าที่สำคัญต่อการพัฒนาการทำงานของสมอง และความจำ โดยมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนาในสหรัฐอเมริกา ค้นพบว่าสมองของทารกที่มารดารับอาหารที่มีโคลินนั้นจะมีพื้นที่การจดจำและความสามารถในการจำมากกว่า นอกจากนั้นไข่ไก่สามารถให้พลังงานนานนับหลายชั่วโมง ไม่ทำให้คุณต้องหิวบ่อย ๆ
5. อาหารแบบเมดิเตอร์ริเนียน
ที่เน้น ๆ เลย ก็คือ “น้ำมันมะกอก” ค่ะ สุดยอดน้ำมันที่สกัดจากพืชโอเมก้า 3 ที่ดีต่อสมองในปริมาณสูงเป็นส่วนประกอบสำคัญ ส่วนผสมอื่น ๆ ของอาหารประเภทนี้จะเน้นผักและผลไม้ โดยเฉพาะมะเขือเทศ ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อสมอง และลดอาการสมองเสื่อมได้ คนที่บริโภคแบบเมดิเตอร์ริเนียนนี้เป็นประจำจะช่วยลดอัตราการเป็นโรคความจำเสื่อมหรือหลงลืมได้ถึง 40 เปอร์เซ็นต์
6. แครอท
หากต้องการกระตุ้นให้สมองทำงานอย่างสดชื่นแบบเร่งด่วน ควรรับประทานผลไม้สด โดยเฉพาะแครอทสด โดยรับประทานอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง จะช่วยกระตุ้นให้มีความจำที่ดีได้
7. พืชตระกูลถั่ว
ไม่ว่าจะเป็น ฮาเซลนัท อัลมอนด์ ถั่วลิสง แมคคาเมีย หรือวอลนัท ก็ล้วนเป็นแหล่งรวมโปรตีน มีไฟเบอร์สูง และมีไขมันดีมาก เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ช่วยทำให้รู้สึกกระฉับกระเฉง ขณะที่โปรตีนและไขมันช่วยให้ร่างกายสมดุล สงบ ผ่อนคลาย อีกทั้งยังมีวิตามินอีที่สำคัญต่อกระบวนการคิดและจำ
8. อาหารประเภทธัญพืช
เช่น เมล็ดดอกทานตะวัน เมล็ดงา เมล็ดแฟลกซ์ ที่มีโปรตีนสูง มีไขมันดี และวิตามินเอสูง ขณะเดียวกันก็มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเพิ่มสารอาหารกระตุ้นสมองอย่าง แมกนีเซียม ที่ทำให้เลือดไปหล่อเลี้ยงสมองได้ดี เต็มไปด้วยเส้นใยอาหาร มีปริมาณโปรตีนที่เหมาะสม รวมทั้งยังมีโอเมก้าสูง และจะดีมากหากรับประทานเป็นอาหารเช้า เพื่อเพิ่มพลังให้กลายเป็นวันที่สดใสของคุณ
9. แอปเปิล
การดื่มน้ำแอปเปิลวันละประมาณ 2 แก้ว หรือรับประทานแอปเปิลวันละ 2-3 ลูก มีส่วนช่วยเพิ่มการสร้างสื่อประสาทในสมองที่มีชื่อว่า “อะเซทิลโคลีน” ซึ่งเป็นตัวกำหนดความสามารถในการจำและการเรียนรู้ แถมยังเพิ่มประสิทธิภาพความจำของสมองส่วนฮิปโปแคมปัสที่ช่วยชะลอภาวะสมองเสื่อมได้
10. ช็อกโกแลต
ช็อกโกแลตช่วยกระตุ้นสมอง มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยระบบหมุนเวียนเลือด และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมองได้ ที่สำคัญช่วยพัฒนาความจำได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังที่ผลิตสารเอ็นดอร์ฟิน และเซโทโรนิน ที่เป็นสารแห่งความสุขในสมอง ทำให้อารมณ์ดี โดยพกแท่งเล็ก ๆ ไว้ในกระเป๋า (เป็นแบบ Dark Chocolate หรือแบบที่มีน้ำตาลน้อยจะดีต่อสุขภาพมากกว่าค่ะ) ไว้กินเวลาว่างเมื่อต้องการความสดชื่นจะช่วยผ่อนคลายสมองได้เป็นอย่างดี
11. แปะก๊วย
พืชสมุนไพรที่ใช้ในการรักษาโรคสมองเสื่อม โรคซึมเศร้า อาการหลง ๆ ลืม ๆ จึงนิยมแนะนำให้ใช้เพื่อปรับปรุงระบบไหลเวียนโลหิตในสมอง เพราะเมื่อสมองขาดเลือดไปหล่อเลี้ยง ย่อมเสื่อมสมรรถภาพและฝ่อไปในที่สุด ส่งผลต่อการกระทำงานและประสิทธิภาพของสมองและยังมีการนำแปะก๊วยไปสกัดเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อบำรุงสมองอีกด้วยนะคะ
12. น้ำ
“น้ำเปล่า” นับว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ เพราะในร่างกายของมนุษย์ประกอบไปด้วยน้ำถึง 70% ซึ่งระบบภายในของร่างกายมนุษย์ ต้องใช้น้ำในการทำหน้าที่ของระบบร่างกาย เช่น ย่อยอาหาร ทำให้ระบบเลือดหมุนเวียนไปหล่อเลี้ยงร่างกายได้เป็นอย่างดี ขับสารพิษออกจากร่างกาย แต่หากร่างกายของมนุษย์ได้รับน้ำเปล่าในแต่ละวันน้อยจนเกินไปก็จะส่งผลเสียให้กับร่างกาย เช่น เลือดจะมีความเข้มข้นหนืด จนทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงร่างกายไม่เพียง จะส่งผลให้เส้นเลือดตีบตัน สมองเสื่อมเพราะเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ
น้ำเปล่า ที่ควรดื่ม ก็ควรจะเป็นน้ำเปล่าที่ไม่แช่เย็น ไม่ใส่น้ำแข็ง ย้ำเลยนะครับว่า “น้ำเปล่า ไม่แช่เย็น ไม่ใส่น้ำแข็ง”
มีหลักฐานจากการศึกษาทางการแพทย์ วิทยาศาสตร์การกีฬา ยืนยันว่า สมองของคนเรานั้น มีการสูญเสียน้ำในอัตราที่เร็ว และก่อนที่เราจะรู้สึกว่ากระหายน้ำด้วยซ้ำ ซึ่งผลที่เกิดขึ้นจะทำให้เราขาดสมาธิ เบื่อหน่าย งัวเงีย และจะค่อยๆมีอาการมึนงง สับสน ตามมานั่นเอง ฉะนั้นวิธีง่ายๆในการเพิ่มศักยภาพให้การทำงานของสมอง คือ การดื่มน้ำเปล่าไม่แช่เย็น ในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากจนเกินไป เพราะการดื่มน้ำในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ ทำให้เกลือในร่างกายลดลงและสมองบวม หรือ “ไฮโปแนทรีเมีย” (Hyponatremia) ในวงการกีฬา เชื่อว่า บ่อยครั้งความล้มเหลวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสนามแข่งขัน เกิดจากการที่ร่างกายและสมองขาดน้ำ ผู้ดูแลจึงพยายามให้นักกีฬาดื่มน้ำอย่างเพียงพอ ทั้งในการฝึกซ้อมและในเกมส์การแข่งขัน เพื่อให้สมองและร่างกายทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ที่มา www.prd.go.th
ภาพจาก eatnorth.com
Admin : Gossy