ท่ามกลางสังคม สิ่งแวดล้อม และบรรยากาศที่มีผู้คนมากมาย เราอาจจะต้องพบปะหรือใช้ชีวิตร่วมกับบุคคลที่มีทัศนคติที่เป็นพิษสำหรับคุณ และวิธีที่จะรับมือกับบุคคลพวกนี้ เพื่อให้คุณสามารถอยู่ร่วมกับบุคคลแบบนี้ได้อย่างมีความสุขจากผู้ที่มีประสบการณ์ตรงและประสบความสำเร็จ ก็คือ
1. “รับฟัง” แต่ไม่เอาใจไปจมมีอารมณ์ร่วมด้วย
บุคคลที่มีทัศนคติเป็นพิษ เขาจะพยายามกัดกินทัศนคติและเวลาของคุณ ด้วยการทำให้คุณจมลึกลงไปในปัญหาของเขา โดยไม่ได้โฟกัสกับการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ผู้สำเร็จจะรู้ดีว่ามีเส้นแบ่งระหว่าง “การรับฟังปัญหา” กับ “การเอาตัวเองไปจมหรือมีอารมณ์ร่วมกับทัศนตคิเชิงลบนั้น” อย่าปล่อยให้ตัวคุณเองต้องจมลงไปกับปัญหาของเขา รับฟังแล้วมองด้วยความรู้สึกเฉย ๆ ถ้าคุณสามารถเสนอทางออกให้กับสิ่งที่เขาพูดกับคุณได้ก็เป็นเรื่องดี แต่ถ้าหากว่าเรื่องที่รับฟังคุณไม่สามารถคิดหรือช่วยหาวิธีการแก้ให้แก่เขา คุณก็ควรปล่อยและวางเรื่องนั้นออกไป การไม่ร่วมรู้สึกทุกข์ใจหรือจมไปกับปัญหาของเขา ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่สนใจเขา แต่มันหมายความว่าคุณสามารถแยกแยะและจัดการกับเรื่องที่เข้ามาในชีวิตคุณได้อย่างดีเยี่ยมต่างหาก
2. “ให้ข้อเสนอแนะ” แต่ไม่คาดหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทันที
การคาดหวังทำให้คุณสูญเสียพลัง และ สร้างความต่อต้านให้กับคนประเภทนี้ ผู้ที่ประสบความสำเร็จรู้ว่าเขาไม่จำเป็นต้องต้องเผชิญกับ เสียงบ่น คำตำหนิ หรือ การปฏิเสธจากบุคคลที่เป็นพิษ ดังนั้น ผู้สำเร็จจะเพียงแค่แสดงข้อเสนอแนะ และให้พวกคนเหล่านั้นตัดสินใจว่าพวกเขาจะทำอย่างไรกับมัน โดยผู้ที่สำเร็จจะไม่เรียกร้องการกระทำหรือการเปลี่ยนแปลงในทันที สิ่งหนึ่งที่คุณควรทำความเข้าใจในการให้คำแนะนำ บุคคลที่มีทัศนคติเป็นพิษนั่น หากว่าเขาสามารถรับทัศนคติดี ๆ เข้าไปได้อย่างรวดเร็วแล้วล่ะก็ เขาจะไม่ใช่บุคคลที่มีทัศนคติเป็นพิษอีกต่อไป ไม่ใช่คนทุกคนจะสามารถรับและปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณได้โดยทันที มีหลายคนที่ต้องการเวลาในการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก ไม่ใช่ว่าทุกคนในโลกนี้จะทำตัวเป็นฟองน้ำที่สามารถดูดซับและรวบรวมทุกสิ่งดี ๆ ในชีวิตเข้าไปในตัวได้ ไม่คาดหวังผลในทันทีและเข้าใจธรรมชาติของคน นั่นจะทำให้คุณไม่จำเป็นต้องเดือดเนื้อร้อนใจเวลาที่ได้เจอพวกเขา
3. “รับมืออย่างชาญฉลาด” รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรจะหลีกเลี่ยง และ เมื่อไหร่ที่ควรรับมือ
เมื่อต้องรับมือกับอารมณ์ของบุคคลที่เป็นพิษ ผู้สำเร็จจะสามารถจัดการอารมณ์ของตนเองได้ดี พวกเขาทราบดีว่าเมื่อไหร่ที่ควรจะหลีกเลี่ยง และ เมื่อไหร่ที่ควรต่อสู้อย่างชาญฉลาด การประเมินสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ การสู้หรือถอยตลอดเวลาไม่ได้หมายความว่าคุณจะชนะหรือรอดตัวได้เสมอไป
4. “เป็นผู้ควบคุมของความสุขของตัวเอง” ไม่อนุญาตให้ทัศนคติหรือความเห็นของคนอื่น ๆ มาเป็นตัวกำหนดความสุขของเรา
ผู้สำเร็จจะไม่อนุญาตให้ทัศนคติหรือความเห็นของคนอื่น ๆ มาเป็นตัวกำหนดความสุขของเขา พวกเขาคือผู้ควบคุมของความสุขของตัวเอง คนเรามีความเห็นต่างกันนั่นเป็นเรื่องปกติ ทัศคติติหรือความเห็นที่ถูกต้องของคนคนหนึ่งอาจไม่ถูกต้องสำหรับใครอีกคนก็ได้ ถ้าบุคคลที่มีทัศนคติเป็นพิษเข้ามาบอกคุณว่า “คุณเป็นคนไม่ได้เรื่อง” มันไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นคนไม่ได้เรื่อง มันแค่หมายความว่ามีบางอย่างที่เขามองว่าคุณทำไม่ดีพอ ซึ่งเรื่องพวกนั้นอาจจะเป็นคเรื่องที่คุณไม่ให้ความสนใจเลยว่าจะต้องดีเลิศก็ได้ เพราะฉะนั้น อย่าปล่อยให้ใครมีอิทธิพลเหนือตัวคุณเอง เพราะไม่มีใครรู้จักตัวคุณดีได้เท่าตัวคุณเอง คนที่จะเลือกความสุขให้คุณได้ดีที่สุดก็มีแต่ตัวคุณเองเท่านั้น
5. “โฟกัสการแก้ปัญหา” ไม่ใช่ปัญหา
ผู้สำเร็จมุ่งเน้นการพัฒนาตนและการปรับปรุงแก้ไขสถานการณ์ของพวกเขา ดังนั้น ทัศนคติของพวกเขาก่อให้เกิดอารมณ์ในเชิงบวกมากกว่า และ เขาเครียดยากกว่าคนทั่วไป เพราะ โฟกัสที่การแก้ปัญหามากกว่าปัญหา และความคิดเชิงบวกจะทำให้คุณแข็งแกร่งไม่หวั่นไหวกับสิ่งไม่ดีอื่นใดได้อีก การสนใจในปัญหาเป็นเรื่องที่สมควรทำ แต่ไม่ควรสนใจมากจนเกินไป คุณควรสนใจมันแค่พอให้เข้าใจปัญหาและสาเหตุเพื่อหาทางแก้ไขให้ตรงจุดก็พอ ยิ่งคุณมองปัญหานั้นอย่างคนนอก (ไม่ปล่อยให้อารมณ์ใด ๆ มาบังสติปัญญาของคุณ) มากเท่าไร ตุณก็จะยิ่งเห็นรูปร่างของมันได้ชัดขึ้นเท่านั้น
6. “สร้างป้อมปราการ” อยู่เหนือทัศนคติเชิงลบ
คุณไม่สามารถจัดการกับคนทุกคนในแบบเดียวกันได้ นั่นคือเหตุผลที่ผู้สำเร็จรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรจะสร้างป้อมปราการ เพื่อที่จะอยู่เหนือทัศนคติเชิงลบของคนรอบตัวเขา ไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกทัศนคติที่เป็นพิษเหล่านั้นบดบังแสงตะวันที่สดใสของชีวิต
7. “ไม่พิพากษาสิ่งใด” ใช้ความรัก ความเมตตา และ การให้อภัย เพื่อก้าวต่อไปอย่างสง่างาม
ผู้สำเร็จไม่ตัดสินสิ่งใด เขาจะมุ่งเน้นไปที่องค์ประกอบอื่น เช่น ความรัก ความเมตตา ความเข้าใจ ความเคารพในบุคคล และ การให้อภัย เพื่อก้าวต่อไปอย่างสง่างาม คุณไม่มีความจำเป็นใดเลยที่ต้องตัดสินว่า เขาดีหรือไม่ดี เพราะไม่ว่าคุณจะตัดสินว่าอย่างไร มันก็จะเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต ทุกสิ่งบนโลกมีมากกว่าหนึ่งด้านเสมอ ทั้งดี ไม่ดี และด้านที่ไม่สามารถบอกได้ว่าดีหรือไม่ และทุกด้านสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกลมหายใจเข้าออก คนเราจะตัดสินความไม่แน่นอนไปเพื่ออะไร? คนทุกคนมีทั้งดีและไม่ดี การใช้ความรัก ความเมตตา และการให้อภัยในทุกเรื่องดี ๆ และเรื่องร้าย ๆ จะทำให้คุณรู้สึกว่าโลกกำลังยิ้มกว้าง ๆ ให้คุณอยู่
8. “ให้อภัย” แต่สร้างกลไกในการป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้นอีกในอนาคต
ผู้สำเร็จจะไม่ลืมความผิดพลาดหรือคนทำผิดพลาดต่อเขา ผู้สำเร็จเลือกที่จะก้าวต่อไป และ สร้างกลไกในการป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้นอีกในอนาคตของตนเอง เขาจะ “ให้อภัย” แต่จะไม่ยอมเปิดโอกาสให้ความผิดพลาดนั้นเกิดขึ้นซ้ำอีก คนที่ให้อภัยคนอื่นแต่ก็ยังคงปล่อยให้ความผิดพลาดเดิม ๆ เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ก็คือคนที่ไม่รู้จักเรียนรู้ และคนที่ไม่เรียนรู้จะไม่มีวันก้าวพ้นจากเขาคนเดิมไปสู่คนที่ดีกว่าได้เลย
ขอบคุณข้อมูลจาก : teenee.com