10 โรคต้องระวังสำหรับคนทำงาน “Office”

 

         เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นหูกับคำว่า “ออฟฟิศ ซินโดรม” (Office syndrome) กันอย่างแน่นอน มันเป็นกลุ่มอาการที่พบบ่อยในคนใช้ชีวิตการทำงานอยู่แต่ในออฟฟิศ ที่สภาพแวดล้อมในสถานที่ทำงานไม่เหมาะสม และมีพฤติกรรมบางอย่างที่กระตุ้นเจ้าโรค Office syndrome ไม่ว่าจะเป็นการนั่งทำงานตลอดเวลา อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ โดยไม่มีการเคลื่อนไหวร่างกาย ความสูงและระยะห่างของคอมพิวเตอร์ คีย์บอร์ดไม่เหมาะสม การวางข้อมือบน เม้าส์ผิดท่าและขาดซัพพอร์ต ขนาดของเม้าส์ไม่เหมาะสมกับขนาดของมือ การนั่งหลังงอ นั่งไขว่ห้าง นั่งไม่เต็มเบาะ ศีรษะและคอไม่ตั้งตรง หลังส่วนล่างไม่มีซัพพอร์ต เท้าไม่วางแบนราบบนพื้น แม้แต่การวางแฟ้มงานหรือสิ่งของใต้โต๊ะทำงาน สิ่งเหล่านี้ล้วนมีผลต่ออาการปวดคอ ปวดข้อมือ ปวดหลังของเราทั้งนั้น สำหรับบางคนที่มีอาการของหมอนรองกระดูกเคลื่อนอยู่แล้ว หากยังทำงานในอิริยาบถที่ผิดก็จะทำให้มีอาการรุนแรงมากขึ้น

         มีการสำรวจพนักงานออฟฟิศในประเทศฝั่งยุโรป พบว่าส่วนใหญ่จะมาปรึกษาแพทย์ด้วยอาการปวดหลัง ปวดบริเวณคอ/ไหล่ และปวดศีรษะตามลำดับ ซึ่งเชื่อว่ามีความสัมพันธ์กับภาวะ office syndrome และยังพบว่ากลุ่มคนทำงานอายุระหว่าง 16-24 ปี มีความเสี่ยงของการเกิดภาวะดังกล่าวสูงถึงร้อยละ 55

         นอกจากนี้ ปัญหาความเครียดก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะ office syndrome ได้ โดยพบสูงถึงร้อยละ 80 สำหรับในบ้านเราเคยมีการสำรวจในคนทำงานที่สำนักพิมพ์แห่งหนึ่งจำนวน 400 คนพบว่าร้อยละ 60 มีภาวะดังกล่าว  การตกอยู่ในภาวะ office syndrome นอกจากจะทำให้สุขภาพร่างกายค่อยทรุดโทรมลงแล้ว ยังเป็นต้นเหตุของโรคต่างๆมากมาย

 

      โดย 10 โรคยอดนิยมสำหรับคนทำงานออฟฟิศ ที่อยู่ในภาวะ office syndrome มีดังนี้

 

         1.นิ่วในถุง น้ำดี

      การกินอาหารที่มีไขมันสูงเป็นประจำอาจก่อให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดี ซึ่งมักพบในหญิงที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป คนอ้วนมักเป็นโรคนี้มากกกว่าคนผอม และยังมีปัจจัยอื่นที่ส่งผลให้เกิดโรคนี้ เช่น กรรมพันธุ์ การอักเสบและการคลั่งของน้ำดีในถุงน้ำดี การทานยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน ๆ โดยเมื่อเป็นนิ่วในถุงน้ำดีแล้ว ถ้าไม่รีบรักษาอาจจะก่อให้เกิดอาการเรื้อรังตามมาได้ค่ะ

 

         2.กระเพาะปัสสาวะอักเสบ

      การที่นั่งทำงานนาน ๆ จนบางครั้งลืมเข้าห้องน้ำ หรือบางทีการที่ต้องเดินทางไกล อาจทำให้ต้องอั้นปัสสาวะ ซึ่งถ้าทำเป็นประจำ จะนำไปสู่การเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ซึ่งมักจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เข้าไปทางท่อปัสสาวะ แล้วทำให้เกิดการอักเสบกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งจะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย สาวๆ ต้องระมัดระวังให้ดีนะคะ

 

         3.โรคเครียด นอนไม่หลับ

      โรคเครียด ถือเป็นโรคฮิตสำหรับคนวัยทำงานเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าคนที่เริ่มทำงานใหม่ ๆ หรือทำงานมาเป็นสิบ ๆ ปี ซึ่งบางคนอาจจะไม่รู้ตัวก็ได้ ว่ากำลังเผชิญอยู่กับภาวะเครียดรุมเร้า วิธีการหลีกเลี่ยงที่ง่ายที่สุดก็คือ พยายามไม่เครียด รู้จักผ่อนคลายเสียบ้าง แค่คุณลองทิ้งงานไปเดินเล่นสัก 10 นาที ชื่นชมธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรอบข้างโดยทิ้งเรื่องเครียด ๆ เอาไว้ข้างหลัง แค่นี้โรคเครียดก็คงทำอะไรคุณไม่ได้แล้วล่ะค่ะ

 

         4.ความดัน โลหิตสูง

ภัยเงียบที่ไม่มีอาการมักพบเมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งเกิดจากปัจจัยบางอย่าง ได้แก่ การมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้แบบไม่ทราบสาเหตุ จะทำให้มีโอกาสเป็นโรคความดันโลหิตสูงมากกว่าคนอื่น ๆ ถึง 3 เท่า นอกจากนี้ยังเกิดจากโรคอ้วน ความเครียด การรับประทานอาหารรสเค็ม การสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า หรือผู้ที่ทำงานนั่งโต๊ะในสำนักงานนาน ๆ จะมีความเสี่ยงสูงกว่าผู้ที่ทำงานใช้กำลัง หรือมีการเคลื่อนไหวบ่อย ๆ ความดันโลหิตสูงไม่ใช่แค่เรื่องความดัน แต่อาจนำมาซึ่งเส้นเลือดแตก อัมพฤกษ์ อัมพาต ไตวาย พิการ และหัวใจวาย มากมายหลายโรคอย่างที่คุณนึกไม่ถึงแน่นอนค่ะ

         5.โรคอ้วน

      ล่าสุดพบว่าโรคอ้วนเป็นกันมากขึ้นในคนวัยทำงาน โดยเฉพาะพวกที่ชอบทำงานไปด้วยรับประทานไปด้วย และไม่มีเวลาออกกำลังกาย ซึ่งผู้หญิงสามารถอ้วนได้ง่ายกว่าผู้ชาย โดยโรคอ้วนยังเป็นบ่อเกิดของโรคสำคัญ ๆ มากมาย เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ ไขมันในหลอดเลือดสูง ความดันโลหิตสูง เป็นต้น ผู้ที่เป็นโรคอ้วน ควรดูแลใส่ใจเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษ ควรปรึกษาโภชนากร หรือศึกษาในเรื่องโภชนาการที่เหมาะสนในแต่ละวัน และที่สำคัญควรหาเวลาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

         6.กรดไหลย้อน

      คนที่รับประทานอาหารไม่เป็นเวลา รีบมากจนเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด เครียดจัดจนอาหารไม่ย่อย และคนที่สูบบุหรี่ หรือดื่มเหล้าจัด มักเสี่ยงกับการเป็นโรคกรดไหลย้อน นอกจากนี้ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้มาเป็น 10 ปี อาจนำไปสู่การเกิดโรคมะเร็งหลอดอาหารส่วนปลายได้อีกด้วย

         7.ปวดหลัง เรื้อรัง

      การใช้ชีวิตอยู่ หน้าจอคอมพิวเตอร์วันละ 8 ชั่วโมง และการที่สาว ๆ ใส่รองเท้าส้นสูงบ่อย ๆ อาจเป็นสาเหตุสำคัญของอาการปวดคอ บ่า ไหล่ หลัง แขน ขา และสะโพก อันเกิดเนื่องมาจากโรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง ควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวินิจฉัยและรักษาได้อย่างถูกต้อง

         8.ไมเกรน ปวดศีรษะเรื้อรัง

      คุณเคยรู้สึกไหมว่าเวลานั่งทำงานเครียด ๆ จะรู้สึกปวดหัวบริเวณขมับด้านหน้าศีรษะ หรือหลังต้นคอ นั่นคือสัญญาณเตือนให้คุณรู้ถึงสภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคไมเกรน การพักผ่อนไม่เพียงพอ แสงแดด ความร้อน และขาดฮอร์โมนบางชนิดก็เป็นปัจจัยก่อให้เกิดโรคนี้ได้เช่นกัน

         9.มือชา เอ็น อักเสบ นิ้วล็อก

      การอักเสบของ ปลอกหุ้มเอ็นข้อมือ เส้นเอ็นนิ้วมือ พบกันมากขึ้นเพราะเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนในชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าจากการใช้คอมพิวเตอร์ การจับเมาส์ในท่าเดิมนาน ๆ ทำให้กล้ามเนื้อกดทับเส้นประสาท และเส้นเอ็นจนอักเสบ จนเกิดพังผืดยึดจับบริเวณนั้นเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดอาการปวดของปลายประสาทนิ้วล็อค หรือข้อมือล็อก และในปัจจุบันนี้หนุ่มสาวรุ่นใหม่มักมีอาการเจ็บปวดนิ้วหัวแม่มือ เนื่องมาจากการใช้เครื่อง Smart Phone ที่มีปุ่มขนาดเล็กซึ่งต้องเกร็งนิ้วเวลากด ทำให้เกิดอาการเส้นเอ็นอักเสบ ปวดตามข้อนิ้วได้

 

         10.ต้อหิน ตาพร่ามัว

      1 ใน 10 ของคนอายุ 40 ปีขึ้นไป มีความเสี่ยงสูงในการเป็นโรคต้อหิน หรือกำลังเป็นโรคนี้โดยไม่รู้ตัว และที่อันตรายที่สุดคือ ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องตาอาจบอดได้ สาเหตุเกิดจากการใช้สายตานาน ๆ การอักเสบ หรือติดเชื้อของกระจกตาของการใส่คอนแทคเลนส์ การที่มีความดันในลูกตาสั้นหรือยาวมาก ๆ ผู้ป่วยโรคต่อมไทรอยด์ และกรรมพันธุ์ ดังนั้นควรตรวจสุขภาพตาเป็นประจำทุกปีนะคะ เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต้อหินและภัยร้ายต่าง ๆ

 

      ลองหันกลับมาให้เวลากับตัวเองสักนิด  สำรวจความผิดปกติของร่างกาย จะได้รู้ว่าร่างกายของเราส่งสัญญาณเตือนภัย ให้หันมาใส่ใจดูแลตัวเองได้แล้ว ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ไข ด้วยการออกกำลังกาย รับประทานอาหารทั้ง 5 หมู่ให้ตรงเวลา และตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงของคุณและพร้อมที่จะต่อสู้กับงานที่อยู่ตรงหน้าต่อไป

 

ที่มา http://www.msdbangkok.go.th/healthconner_Office%20syndrome.htm

ภาพจาก https://www.ovolva.com/contents/

Admin : Gossy